Last updated: 4 ก.ค. 2567 | 589 จำนวนผู้เข้าชม |
การปริ้นท์ 3 มิติ (3D printing) มีหลายเทคโนโลยีและวิธีการต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างวัตถุ 3 มิติ ตามการออกแบบที่กำหนดไว้ ดังนั้นมีหลายแบบของระบบปริ๊นเตอร์ 3D ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกันทั้งในเทคโนโลยี วัสดุที่ใช้ และลักษณะของผลลัพธ์ที่ได้
นับเป็นระบบปริ๊นเตอร์ 3 มิติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประกอบด้วย:
1. Fused Deposition Modeling (FDM) - ระบบที่ใช้วัสดุพลาสติกที่ละลายและสร้างวัตถุโดยการละลายวัสดุและสร้างชั้นโดยเลื่อนหัวพิมพ์ให้รอบรูปตามการออกแบบ
2. Stereolithography (SLA) - ระบบที่ใช้แสง UV เพื่อทำให้วัสดุโชกแข็งจากขอบของวัตถุที่จะสร้างขึ้น
3. Selective Laser Sintering (SLS) - ระบบที่ใช้เลเซอร์เพื่อเชื่อมวัสดุผง (เช่น พอลิเมอร์) ระดับชั้นเพื่อสร้างวัตถุ
ระบบปริ๊นเตอร์ 3 มิติแบบ Fused Deposition Modeling (FDM) เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้วัสดุพลาสติกที่ละลาย (หรือเรียกว่า filament) โดยทำการเปิดใช้ความร้อนเพื่อละลายวัสดุและสร้างวัตถุละลายชั้นๆ บนแผ่นพื้น โดยคอมพิวเตอร์ควบคุมการเคลื่อนที่และการสร้างชั้นของวัสดุเหล่านี้เพื่อสร้างวัตถุสามมิติตามการออกแบบที่กำหนดไว้ในไฟล์ CAD หรือไฟล์ STL ที่ถูกสร้างขึ้นมา.
ระบบปริ๊นเตอร์ 3D FDM เป็นอุปกรณ์ที่มีความนิยมสูงในงานสร้างโปรโตไทป์ (prototyping) และการผลิตของแบบจำลอง (mock-ups) ซึ่งมีความสามารถในการสร้างวัตถุซับซ้อนที่มีโครงสร้างซับซ้อนได้ด้วยเช่นกัน.
การใช้ระบบปริ๊นเตอร์ 3D FDM มีข้อดีมากมาย เช่น:
- สามารถสร้างวัตถุที่มีโครงสร้างซับซ้อนได้
- มีความเร็วในการพิมพ์ที่สูง
- มีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการใช้บริการจากบริษัทฯที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่
- มีความยืดหยุ่นในการใช้วัสดุที่แตกต่างกันได้
อย่างไรก็ตาม, ระบบปริ๊นเตอร์ 3D FDM ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น:
- คุณภาพพิมพ์ที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น SLA หรือ SLS
- การใช้วัสดุที่ถูกต้องและการจัดการความร้อนให้ถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญ
- การทำความสะอาดหรือดูแลรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความเสถียรในการใช้งาน
การเลือกใช้ระบบปริ๊นเตอร์ 3D FDM ควรพิจารณาความต้องการของโปรเจกต์และวัตถุที่ต้องการสร้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สามารถติดต่อสอบถามทางเราได้ที่
ติดต่อสอบถามโทรศัพท์ได้ที่
Mobile : 098-575-5613 , 098-575-5614
QR barcode
21 พ.ย. 2567
26 พ.ค. 2567
25 พ.ค. 2567
18 ต.ค. 2567